ผลการเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย ของน้องๆ NCUK IFY และ NCUK IYONE รุ่นที่ 2

 

ขอแสดงความยินดีกับน้องๆ NCUK IFY และ NCUK IYONE รุ่นที่ 2
ที่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ (Placement) โดยได้เข้าศึกษาในสาขาวิชา และมหาวิทยาลัยดังต่อไปนี้

 


Bunvath Ly

NCUK Program: International Foundation Engineering

University of Bristol

Course: BSc Computer Science


Tenma Uchiyama

NCUK Program: International Foundation Engineering

University Of Manchester

Course: BEng(Hons) Electrical and Electronic Engineering


Kongpak Chianchintanakul

NCUK Program: International Foundation Business

Lancaster University

Course: BSc Hons : International Management


Nitchana Phommaphonh

NCUK Program: International Foundation Business

University of Reading

Course: BA International Business and Management with Placement Experience


Wichuda Phukrongtung

NCUK Program: International Foundation Business

University of Kent

Course: Business Information Technology – BSc (Hons)


Apatsanun Charoenwatchanakul

NCUK Program: International Foundation Business

University of Bristol

Course: BSc Economics and Politics


Pimpath Udompornwirat

NCUK Program: International Year One Business Management

Sheffield Hallam University

Course: BAchelor of arts with Honours Business and Marketing with Scholarship awarded 50% for 3 years in the UK


Chanyaphat Bumrungsri

NCUK Program: International Year One Accounting and Finance

Sheffield Hallam University

Course: Bachelor of Arts with Honours Accounting and Finance with scholarship awared 50% for 3 years in the UK


Pojanaporn Pojanasupawan

NCUK Program: International Year One Accounting and Finance

University of Kent

Course: Marketing


Theerissara Phongratanadechachai

NCUK Program: International Year One Accounting and Finance

University of Manchester

Course: BSc (Hons) Management Accounting and Finance

ผลการเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ ของน้องๆ NCUK IFY และ NCUK IYONE รุ่นที่ 1

 

ขอแสดงความยินดีกับน้องๆ NCUK IFY และ NCUK IYONE รุ่นที่ 1
ที่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ (Placement) โดยได้เข้าศึกษาในสาขาวิชา และมหาวิทยาลัยดังต่อไปนี้

 


Punnatad Punwatanaskul

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

The University of Manchester

Course: BSc (Hons) Accounting with Industrial/Professional Experience


Pitchayut Siriapaipan

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

University of Westminster

Course: BA (Hons) Marketing Communications


Nicktanyarat Namjaisuk

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

University of Reading

Course: BA Accounting and Finance Henley Business School


Parames Porkha

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

University of Hertfordshire

Course: BSc (Hons) Computer Science (Artificial Intelligence) with Optional Sandwich Placement/Study Abroad


Thammasit Srisawad

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

Sheffield Hallam University

Course: BA (Hons) Politic Scholarship awarded 50% for 3 years in the UK


Nuthitiya Namjaisuk

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

Sheffield Hallam University

Course: BA Digital Media Production Scholarship awarded 50% for 3 years in the UK


Virisara Thitapanich

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

Sheffield Hallam University

Course: BA Digital Media Production


Nirinthana Jirapattanan

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

University of Reading

Course: BA Business and Mnagement Henley Business School


Kanatip Klaisang

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

Anglia Ruskin University

Course: BEng Computer science


Passavut Othanavathakit

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

Sheffield Hallam University

Course: BSc (Hons) Business and Information and Communications Technology


Thanagid Nipattananchock

NCUK Program: International Foundation Year Business Route

University of Reading

Course: BSc Accounting and Finance with placement experience

เรียนต่อออสเตรเลีย

ประเทศออสเตรเลีย หรือเรียกทางการว่าเครือรัฐออสเตรเลีย (Commonwealth of Australia)
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ติดหนึ่งในสามของประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
มีคุณภาพชีวิตที่ดี และความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่นักศึกษาต่างชาตินิยมไปเรียนต่อมากที่สุดรองจากประเทศอังกฤษและอเมริกา
เนื่องจากมีระบบการศึกษาติดอันดับต้นๆ ของโลก และมีมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่ติดอันดับ Top 100 ของโลกอยู่มากถึง 7 มหาวิทยาลัย ดังนี้

 

ที่สำคัญมีหลักสูตรให้น้องๆ ได้เลือกเรียนมากมาย ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
รวมถึงหลักสูตรภาษาอังกฤษ และ หลักสูตร Joint Degree ที่ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยของไทยในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
อีกทั้งรัฐบาลออสเตรเลียยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติสามารถทำงานระหว่างเรียน และหลังจากจบการศึกษาได้
จึงไม่แปลกใจที่ทุกปีจะมีนักศึกษาไทยไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียกันเป็นจำนวนมาก


ABAC Study Abroad & British Academic Center
เราให้คำแนะนำพร้อมแชร์ประสบการณ์และช่วยเหลือน้องๆในการไปเรียนต่อออสเตรเลียในทุกขั้นตอน

  • ขั้นตอนการสมัครเรียน
  • จัดหาที่พัก
  • ดำเนินการวีซ่า
  • จองตั๋วเครื่องบิน
  • ให้ข้อมูลในการเตรียมตัวก่อนการเดินทาง
  • ดูแลต่อเนื่องจนจบการศึกษา

ที่สำคัญ ไม่มีผล IELTS ก็สามารถเรียนได้


เพื่อให้น้องๆพร้อมเดินทางไปเรียนต่อและใช้ชีวิตในออสเตรเลียได้อย่างอุ่นใจและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
เรามีมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียให้น้องๆ ได้เลือกถึง 32 แห่ง ดังนี้

Australian Catholic University

Bond University

Charles Darwin University

Deakin University

Griffith University

Le Cordon Bleu Australia

Monash University

Queensland University of Technology

Swinburne University of Technology

The University of Melbourne

University of New South Wales

University of Queensland

University of Sydney

University of Technology Sydney

University of Western Australia

Victoria University

Australian National University

Central Queensland University

Curtin University

Edith Cowan University

La Trobe University

Macquarie University

Murdoch University

RMIT University

The University of Adelaide

University of Canberra

University of Newcastle Australia

University of South Australia

University of Tasmania

University of the Sunshine Coast

University of Wollongong

Western Sydney University

 


credit : http://hdr.undp.org/en/2018-update
              http://www.oecd.org
              https://www.topuniversities.com/university-rankings/world-university-rankings/2019

25 ส.ค. 62 NCUK International Pathway Day

25 ส.ค. 62 “NCUK International Pathway Day”
ที่บริติชเคานซิล ลาดพร้าว ตึกรสา ชั้น 3
(ใกล้ BTS ห้าแยกลาดพร้าว และสถานนีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน) 

 

หาก ผล A-level หรือ IGCSE ไม่เป็นตามที่หวัง อย่าพึ่งท้อใจ เรามี 2 หลักสูตรที่ทำให้น้องๆสามารถเข้า TOP UK ได้ง่ายๆ โดยเริ่มเรียนที่ไทยพร้อมการันตีและประหยัดค่าใช้จ่ายไปกว่าครึ่ง กับหลักสูตร 1+2 และ 1+3 มาเลยคะไม่ต้องรอแล้วมาฟังข้อมูลเกี่ยวกับทางลัดพิเศษนี้ใน วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม เวลา 14.00 – 16.00 ณ British Academic Center, British Council Ladprao, ตึก รสา 1 ชั้น 3 พหลโยธิน ซอย 19 ใกล้ BTS ห้าแยกลาดพร้าว หรือ MRT พหลโยธิน 

 

✅ ข้อมูลทุน 50% ตลอด 3 ปีที่ประเทศอังกฤษ และเยี่ยมชมสถานที่เรียนจริง
✅ ส่วนลดค่าเทอม 100,000 บาท
✅พบกับหลักสูตรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 30 สถาบัน อาทิเช่น U of Manchester, U of Bristol, U of Birmingham, U of Sheffield, Queen Mary U of London, U of Kent ฯลฯ
✅มีสาขาให้เลือกเรียนมากมาย อาทิเช่น Aerospace Engineering, Business, Accounting&Finance,Pharmacy, Medical, Psychology, Architecture, Computer Science, Game Design, Biomedical, Politics เป็นต้น
✅ เข้าร่วมงานฟรี!

 

ปิดลงทะเบียน

ผลตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ ปี 2019

 

??ผลตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ ของน้องๆ NCUK Thailand Centre
ที่ศึกษาหลักสูตร International Foundation 1+3 และ International Year One 1+2 ในปีการศึกษา 2018-2019

และกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาตรีในเดือนกันยายนปี 2019 นี้ ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายของ UK รายละเอียดอยู่ด้านล่างเลย! ทางแอดมิน ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับน้องๆทุกคน ทางเรารู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนนึงของความสำเร็จในครั้งนี้ค่ะ??

 

 

??ความตั้งใจ ความขยัน การมีตัวช่วยที่ดี พร้อมการเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง จะยิ่งทำให้เราไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง
อย่าลืมนะคะ ตอนนี้ NCUK ประเทศไทย ยังเปิดรับสมัครนักเรียนที่สนใจอยู่

✈️หากต้องการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ Call Centre 087 559 6888, 084 647 9090, 084 451 9999 หรือ official LINE ของเรา @britishacademic รีบๆนะคะ ใกล้ปิดรับสมัครแล้วค่ะ! >#NCUKThailand

“Review ประสบการณ์ตรง โดย แพร ศิษย์เก่า NCUK IFY”

สวัสดีคะ เราชื่อแพรนะ ก็เราจะมาเล่าประสบการณ์และเหตุผลที่เราเลือกเข้ามาเรียนโปรแกรม NCUK

เริ่มแรกเราเคยเข้าไปเรียน pre college ของมหิดลอินเตอร์แต่ออกมาละพ่อกับแม่ก็อยากให้เรียนอะไรที่เราได้ภาษาอังกฤษด้วย เพราะปัจจุบันภาษาอังกฤษค่อนข้างสำคัญมาก แล้วเห็นโปรแกรมนี้พอดีเลยเลือกที่จะเข้ามาเรียนยอมรับตรงๆเลยว่าตอนแรกเราก็ไม่ค่อยอยากมาเรียนแล้วก็ไม่ค่อยชอบด้วยแต่ด้วยความที่เราเป็นรุ่นแรกเลยทำให้เราเข้าใจในปัญหาหลายๆอย่าง และมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่ต้องปรับจูนทำให้เราและเพื่อนเลยช่วยกันเรียนมันก็เป็นผลดีนะทำให้เราได้เพื่อนที่ดีจากโปรแกรมและที่สำคัญเค้าจะมาอังกฤษพร้อมกัน เราว่ามันดีมากนะเพราะอยู่ไทยละมาอังกฤษด้วยกันมันสนิทกันมาแล้ว อย่างน้อยถ้าเลือกละอยู่คนละเมืองหรืออะไรก็ยังติดต่อและช่วยเหลือกันได้ เพราะทุกวันนี้เราก็มีเพื่อนที่อยู่เมืองเดียวกันและต่างเมือง ต่อให้อยู่ต่างเมืองกันก็หากันได้ง่าย ในหลายๆอย่างทำให้รู้สึกผูกพันมากขึ้นเพราะเราอยู่ด้วยกันมาแล้วปีนึงอะมันทำให้เรามีความเชื่อใจพวกเค้ามากกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกัน พอเราเรียนจบคอร์ส NCUK ก็ต้องเลือกมหาลัยและคณะที่อยากเข้า

สำหรับเราเรื่องที่จะเลือกที่เรียนเราตัดสินจากเมืองอันดับแรกอันดับสองก็คอร์สเรียน คนส่วนใหญ่บอกเราว่าอย่าสนอันดับมากเลย เพราะเมืองค่อนข้างสำคัญเราต้องอยู่กับมันถึง 3 ปี เพราะฉะนั้นเราอยากเตือนใครก็ตามที่จะเลือกมหาลัยว่าดูเมืองเป็นหลักก็ดีนะ มาต่อๆ พอได้ผลสอบมหาลัยต่างๆก็ทำวีซ่า มันก็ขึ้นอยู่กับว่าได้ offer ช้าเร็วยังไง แต่โดยส่วนมากปีหนึ่งจะต้องมาช่วงกลางๆกันยา เพื่อ orientation week หรือต่างๆนาๆของมหาลัย ส่วนเปิดเทอมก็จะช่วงประมานต้นตุลา แต่ก็แล้วแต่มหาลัยนะ เรื่องหอพักก็ควรรีบจองไม่งั้นมันจะเต็ม อย่างของเราเราอยู่หอนอกละเป็นแบบสตูดิโอ ที่นี่จะมี 3-4 แบบต้องเลือกละดูดีๆ มีทั้งแชร์ห้องน้ำและครัว แชร์ครัวอย่างเดียว สตูดิโอ หรือห้องครัวแยกห้องนอน อันนี้ก็ต้องแล้วแต่เราชอบถามว่าหอพักที่นี่ราคาแพงไหม ก็แล้วแต่เมืองที่เราเลือกนะ ค่าครองชีพแต่ละเมืองก็ไม่เท่ากัน อยู่ที่ว่าเราไปเมืองไหน อย่างเราเลือก Sheffield ก็จะเป็นเมืองที่ข้าวของหรืออะไรจะถูกหน่อย พอเรามานี่ช่วงแรกๆก็ต้องปรับตัวนิดหน่อยแต่ด้วยความที่เรามาพร้อมเพื่อนอีก 3 คนมันเลยไม่ยากมาก ละเมืองเราเดินทางส่วนมากด้วยเท้าเดินถึงทุกที่แต่ขึ้นกับว่าใกล้ไกล แต่ถ้าจะไปต่างเมืองก็รถไฟ

เราสามารถสมัคร railcard ได้สำหรับนักเรียนถ้าอยู่ 1 ปีขึ้นสมัครไว้ก็คุ้ม ส่วนเรื่องการปรับตัวการใช้ชีวิตเราว่าสมัยนี้เทคโนโลยีทุกอย่างถึงอะเลยไม่อยากเท่าไหร่ ทำอะไรก็สะดวกง่าย แต่ถ้าถามว่าเพื่อนอังกฤษหายากมั้ยเราตอบตรงๆว่าก็ยากอยู่เราก็มีเพื่อนอยู่บ้างแต่ด้วยความที่คณะที่เราเรียนมันแบบเรียนกับคอมเรียนเดี่ยวเราเลยไม่ค่อยมีเพื่อนต้องคอยพยายามหาวิธีที่หาเพื่อนง่ายสุดเราว่าคงต้องเป็นเข้า society ต่างๆของมหาลัย แต่เพื่อนส่วนใหญ่ก็รุ่นพี่คนไทยหรือไม่ก็เพื่อนของรุ่นพี่ 55555

การเรียนก็ต้องปรับตัวช่วงแรกอาจจะฟังยากแต่สักพักเราจะชินไปเอง ส่วนเรื่อง part time คือถ้าอยากฝึกภาษาไปด้วยก็คงแนะนำให้ทำ NI ละไปสมัครแต่มันก็ค่อนข้างยากอยู่ อย่างเราเราทำร้านไทยคือมันก็ได้น้อยแต่ด้วยความที่เราแค่อยากหาประสบการณ์จากการทำงานเพราะถ้าทำร้านอาหารหรืออะไรแบบนี้ที่ไทยก็คงไม่ได้แบบนี้ละการทำงานร้านอาหารทำให้เราโตขึ้นละทำอะไรได้หลายอย่าง มีความคิดหรือการตัดสินใจอะไรที่มากขึ้น ฝึกการทำงานกับคนอื่น พ่อแม่บางคนอาจจะเหมือนพ่อแม่เรานะที่ไม่ค่อยอยากให้เราทำงานแต่เราก็ค่อยๆอธิบายและบอกเขาไปเรื่อยๆเราบอกเลยว่ามันได้อะไรเยอะจากการทำงาน มันทำให้เราไม่รู้สึก homesick มากด้วยเพราะเรามีอะไรทำไม่ฟุ้งซ่าน ถ้าสมมุติเราว่างไม่มีอะไรทำก็แนะนำให้ไปทำงานแต่ถ้างานเยอะหรือเรียนหนักก็ไม่ควร เพราะเราก็อย่าลืมว่าเรามาเรียนไม่ได้มาทำงานอะเนาะการที่พ่อแม่ปล่อยเรามาเมืองนอกและมาเรียนรู้ในโลกกว้างมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าโตขึ้น การเดินทางไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราเพราะเราจะไปไหนก็หา google map หรืออะไรก็ได้ในปัจจุบันมันง่ายมาก ไม่ว่าใครจะมาหาเราเพื่อนหรือน้า เราก็ได้รับ feedback กลับมาว่าเราดูโตขึ้นสามารถทำอะไรได้เองในหลายๆอย่าง การที่เราอยู่คนเดียวทำให้เราต้องหาข้อมูลเรื่อง tax หรือแม้แต่น้ำไฟเพราะด้วยความที่หอเราไม่รวมน้ำไฟ แต่หออื่นเค้ารวม แต่ถ้าถามว่าเราแนะนำแบบไหนก็คงแนะนำว่าน้ำไฟรวมมันง่ายกว่าจริงๆด้วยความที่เราต้องการให้พ่อและแม่เรารู้ว่าเราโต และทำได้เราจะไม่ค่อยได้คุยกะพ่อแม่นานๆคุยที หาข้อมูลและแก้ปัญหาเสร็จค่อยบอกเค้าว่าเราเจอปัญหาอะไร แต่เราสามารถแก้ได้หมดแล้วนั่นก็จะทำให้เค้ารู้ว่าเราสามารถอยู่ในโลกกว้างนี้ได้ คือ ทุกคนล้วนจะเจอปัญหาที่ต่างกันอยู่แล้วอะ

เราคงได้แค่เล่าประสบการณ์แต่เหตุการณ์คงต้องให้น้องๆเจอด้วยตัวเองละจะทำให้โตขึ้นจริงๆ คือ เราเทียบตัวเราก็เพื่อนเรามาแล้วขนาดเพื่อนเรายังบอกว่าเราโตขึ้นเลยเพราะฉะนั้นต้องมาลองหาประสบการณ์ด้วยตัวเองนะจ๊ะ มีอะไรก็ยังสามารถปรึกษาพี่ๆได้เสมอ 55555

“Review ประสบการณ์ตรง โดย ไทม์ ศิษย์เก่า NCUK IFY”

สวัสดีครับ ผมชื่อ ธรรมสิทธิ์ ศรีสวัสดิ์ ชื่อเล่น ไทม์ เป็นศิษย์เก่านักเรียนในหลักสูตร NCUK IFY ปี 2017-2018 วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ตั้งแต่เรียน NCUK จนถึงมาเรียนที่ประเทศอังกฤษครับ

ผมเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 4 ที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ เมืองทองธานี ฝั่งภาคภาษาอังกฤษแล้วไปแลกเปลี่ยนต่อมัธยมปีที่ 5 หรือ Grade 11 ที่ Amory High School รัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาเข้าหลักสูตร NCUK foundation ครับ ปัจจุปันผมกำลังศึกษา Bachelor of Arts with Honours Politics ที่ Sheffield Hallam University

ประสบการณ์กับที่ NCUK

ก่อนที่ผมจะเข้ามาเรียนหลักสูตร NCUK คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของผมหลักจากกลับมาจากสหัฐอเมริกา ท่านจึงอยากให้ผมต่อยอดการเรียนภาษาอังกฤษต่อที่ต่างประเทศ และในขณะนั้นก็มีหลักสูตรนี้เข้ามาทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความสนใจ เลยลองศึกษาดูแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับการเรียนระหว่างที่ประเทศสหัฐอเมริกากับประเทศอังกฤษ ประเทศอังกฤษถือว่า เรียนได้สั้นกว่าและจบเร็วกว่าสหรัฐอเมริกา
จึงตัดสินใจให้ผมมาเรียนหลักสูตรนี้ครับ

หลังจากเข้าศึกษาในหลักสูตร ผมได้เรียนทั้งหมด 4 วิชา คือ Math, Business, Economics และ English for Academic Purpose (EAP) ผมได้เจออาจารย์ที่ช่วยผมจนจบหลักสูตร และได้เจอเพื่อนในหลักสูตร โดยเฉพาะวิชา EAP อาจารย์ฝึกทักษะแบบใหม่ๆ เช่น วิธีการพรีเซนต์ วิธีการจดเลคเชอร์ การพูด การอ่าน การเขียน ซึ่งมีประโยชน์มากกับผม นอกจากเรื่องเรียนแล้ว ยังมีพี่ Staff คอยให้คำปรึกษาเรื่องเรียน
รวมไปถึงการแนะนำมหาลัยที่เหมาะกับเราในการศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ การหาข้อมูลที่พัก และการช่วยทำเอกสารวีซ่า นอกจากนี้ทาง NCUK ได้มีทุนสูงสุดถึง 50%
จากมหาลัยขั้นนำที่ประเทศอังกฤษ และได้รับการรับรองจาก NCUK ผมเป็นคนนึงที่ได้ทุน 50% ตลอด 3 ปีที่อังกฤษจาก Sheffield Hallam University ครับ

ประสบการณ์ที่ไปใช้ชีวิตที่ต่างแดนที่เมือง Sheffield ประเทศอังกฤษ

มหาลัยผมมี 2 Campus คือ City Campus และ Collegiate Campus มหาลัยเริ่มเปิดเรียนประมาณเดือนกันยายนครับ สัปดาห์แรกจะเป็นสัปดาห์ปฐมนิเทศครับ ทางมหาลัยจะมี Helpdesk สำหรับคอยช่วยเหลือเรื่องเรียน รวมไปถึงการให้คำแนะนำการใช้ชีวิตใน Sheffield สำหรับคณะที่เรียน ผมเรียน Politics ซึ่งจะมี Professor และ Tutor คอยให้คำปรึกษาในคราสเรียน ซึ่งคณะที่ผมเรียนจะมี 2 คราส คือ Lecture Class และ Seminar Class ส่วนเรื่องหอพักผมอยู่หอที่มีแฟลตเมตแชร์ห้องครัวกัน 5 คน แต่มีห้องนอนและห้องน้ำส่วนตัว เดินไป City Campus 10 นาที และ 15 นาที ไป Collegiate Campus ครับ

นอกจากเรื่องมหาลัย ยังมีกลุ่ม Sheffield Thai Society ของ University of Sheffield และ Sheffield Hallam University ซึ่งได้มีโอกาสเจอเพื่อนๆคนไทยที่มาเรียนที่ Sheffield ซึ่งทาง Society จะมีหลายกิจกรรมที่คนไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้ เช่น Welcome Party, Thai Culture Night, Thai Night รวมไปถึงงานสมัคคีเกมส์ที่จัดเพื่อให้คนไทยในอังกฤษมาเจอกัน ซึ่งจะจัดกันทุกปีครับ

ส่วนเรื่องร้านอาหารไทยไม่ต้องห่วงเลยเพราะที่นี่มีร้านอาหารไทยมากมาย และเราสามารถหางานพาร์ทไทม์ได้ครับ ผมได้มีโอกาสทำงานพาร์ทไทม์กับร้านอาหารไทย
นอกจากนี้ยังมีงานพาร์ทไทม์ของมหาลัยด้วยครับ ผมได้มีโอกาสทำงานเป็น Student Ambassador ของมหาลัยด้วยครับ แล้วนี้ก็คือทั้งหมดสำหรับการใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษครับ

ขอบคุณครับ

“Review ประสบการณ์ตรง โดย พีช ศิษย์เก่า NCUK IFY”

สวัสดีครับผมชื่อ พิชญญุตม์ ศิริอภัยพันธ์ เป็นศิษย์เก่าหลักสูตร NCUK IFY  วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์แบบ brief ให้ฟังนะครับได้เรียนที่ NCUK ได้ให้อะไรกับผมมากทางวิชาการ ทั้งเพื่อน ทั้งคอลเลคชั่น และสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยซึ่งเตรียมพร้อมให้ทุกคนพร้อมเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่ทุกคนตั้งไว้วิชาการของ NCUK ตรงกับหลักสูตรที่ผมเรียนมากๆ ทุกอย่างที่อาจารย์ทุกท่านสอนได้ใช้ทั้งหมดแน่นอน ส่วนเรื่องภาษาถ้าทุกคนตั้งใจเรียนผมเชื่อว่าไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะว่าทุกๆ การเรียนการสอนเต็มไปด้วยเนื้อหาที่ทุกคนจะได้นำไปใช้ในมหาลัยแน่นอน

 

 

ขณะที่ผมเลือกเรียนคือการตลาดครับซึ่งทาง NCUK ก็ด้วยปูทางไว้ให้หมดแล้วมีประโยชน์มากๆ  รู้สึกว่าพร้อมกว่านักเรียนคนอื่น เพราะว่าทาง NCUK เค้าจัดเต็มจริงๆ การบ้านทุกอย่างงานทุกชิ้นมีประโยชน์มาก เพราะในชีวิตมหาลัยมันมีจริงๆ

 

 

ตั้งแต่มาเรียนที่อังกฤษมีพี่ก็ติดต่อมาตลอดดูแลตั้งแต่ต้นยันจบจนกระทั่งตอนนี้รู้สึกดีกับโปรแกรมนี้มากๆ เพราะทุกท่านดูแลเต็มที่จริงๆ

 

 

ทั้งนี้อยากจะบอกว่าดีใจมากที่เลือกโปรแกรมนี้ และอยากแนะนำทุกๆคนว่าโปรแกรมนี้นี่แหละที่จะทำให้คุณเข้ามหาวิทยาลัยในฝันและก้าวต่อไปอย่างมั่นคงแน่นอนเพราะคุณไม่ได้ก้าวไปคนเดียว แต่มีพี่พี่ที่ NCUK คอยช่วยแนะนำคุณเสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ถ้าใครคนไหนเลยติดต่อ NCUK แล้วก็น่าจะคุ้นๆชื่อพี่ยา และอยากจะขอบคุณพี่ยา (นอกเรื่องนิดนึง) มากที่คอยผลักดัน ให้กำลังใจ จนพีซเรียนจบปี1 และพี่ๆและ อาจารย์ทุกท่านที่คอยหนุนหลังผมไว้กลับไปเมืองไทยไปเยี่ยมทุกคนได้แน่นอนครับ

“Review ประสบการณ์ตรง โดย นิค ศิษย์เก่า NCUK IFY”

สวัสดีค่า ชื่อนิคนะคะ วันนี้อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ไปเรียนต่อประเทศอังกฤษตั้งแต่เริ่มแรกที่ไทยเลย คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน เริ่มจากตอนมัธยมปลายได้มีโอกาสไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาเกือบ1 ปี พอกลับมาแล้ว รู้สึกได้ทั้งประสบการณ์และได้ฝึกภาษา ทางพ่อแม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกสาวและเริ่มเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษด้วยเลยอยากให้เราต่อยอดด้วยการมาเรียนต่อที่ต่างประเทศ เลยลองศึกษาข้อมูลไปงานนู้นงานนี้ เปรียบเทียบประเทศต่างๆ จนมาเลือกประเทศอังกฤษเพราะค่าใช้จ่ายน้อยถ้าเทียบกับไปประเทศอเมริกาแถมมีหลักสูตรเรียนสามปีฝึกงานอีกหนึ่งปี(แล้วแต่คณะที่เรียน) และถ้าเรียนต่อโทก็เรียนแค่ปีเดียวด้วย แต่พอมาหาข้อมูลต่อก็รู้สึกว่าถ้าไปด้วยตัวเองมันค่อนข้างยุ่งยาก ทั้งการเตรียมเอกสารและค่าใช้จ่าย เลยพยายามหาเอเจนซี่แทนจนได้ไปเจอกับโครงการนึงที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ คือโครงการ NCUK International Foundation ของ British Academic Center หลักสูตรแบบเรียนปรับพื้นฐาน 9 เดือน(เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยไทย ปีที่ 1) ที่ไทยก่อนไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษอีก 3 ปี โดยเราใช้วุฒิ ม. 5 สมัครเข้าเรียน และเลือกเรียนสาย  Business (accounting and finance) วิชาที่เรียนก็จะเป็นแนว Business Econ Maths แล้วก็ภาษาอังกฤษ ได้ฝึกทักษะต่างๆ เช่น ฟัง พูด อ่าน เขียน การพรีเซนงาน เขียนรายงาน จดเลคเชอร์ระหว่างฟัง ฝึกตีความ ฝึกเขียน reference ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างมีประโยชน์มากเพราะทักษะพวกนี้มันจำเป็นจริงๆ ในมหาลัย พี่ๆในโครงการน่ารักมาก คอยช่วยเหลือทุกอย่างตั้งแต่แนะนำมหาลัย ทำเอกสาร กรอกใบสมัคร ทำวีซ่า หาข้อมูลที่พัก ยันเรื่องปัญหาชีวิต 555 ข้อดีสุดๆของการเข้าโครงการนี้คือมีโอกาสได้ทุนค่อนข้างสูงเพราะโครงการนี้เข้าร่วมกับมหาลัยดังๆในประเทศอังกฤษถึง….มหาลัย ถึงตอนเลือกเราเลือกไว้ 4-5 มหาลัยสรุปท้ายที่สุดก็เลือกมา University of Reading เพราะ Business School ของที่นี่ค่อนข้างดัง

 

พวกเราบินมาอังกฤษกันประมาณเดือนกันยากัน เป็นช่วงมหาลัยเริ่มเปิดกัน ที่จริงมหาลัยเราเปิดเดือนสิบแต่สำหรับเด็กปีหนึ่งต้องมาก่อนประมาณสองอาทิตย์ เพราะจะมีเหมือนปฐมนิเทศพบปะเพื่อนๆในสาขาและอาจารย์ก่อนเรียน มีกิจกรรมสำหรับเด็กใหม่คือfresher’s week เป็นแนวปาร์ตี้ดื่มๆเต้นๆไรงี้ บัตรมีขายตามเว็บมหาลัย เรื่องหอพักปีแรกเราอยู่หอในแบบห้องน้ำในตัว แชร์ครัวกับอีกเจ็ดคน อยู่ใกล้ๆมหาลัย โชคดีที่แฟลตเมตเป็นผู้หญิงหมดเลย แต่ละคนน่ารักมากก แต่เรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคนนะ ว่าจะเจอแฟลตเมตแบบไหน

 

 

 

 

 

 

ลองทำบราวนี่ทานเองครั้งแรกค่ะ

 

อันนี้บรรยากาศในเมืองค่า

 

การเดินทางที่นี่ค่อนข้างสะดวกค่ะมีบัสกับแท็กซี่หรือจะเดินเอาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่คนที่นี่จะนั่งบัสเอา ตั๋วบัสมีขายแบบใช้เหรียญ แต่ต้องเตรียมให้พอดีนะ หรือจะซื้อผ่านแอพบัสก็ได้สะดวกสุดๆ

 

 

ส่วนเรื่องอากาศที่นี่แปรปรวนสมคำล่ำลือจริงๆค่ะ วันนี้แดดออกเดี๋ยวพรุ่งนี้ฝนตก ลมที่นี่แรงมากค่ะ ร่มก็เอาไม่อยู่ ทางที่ดีเตรียมเสื้อผ้าหนาๆไปใส่เผื่อก็ดีนะคะ แต่ไม่ต้องเอามาเยอะมาก มาซื้อที่นี่เอา

 

นักเรียนไทยที่นี่ค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นปอโท ปอตรีน้อยมากก อันนี้มาทานข้าวกับรุ่นพี่กับเพื่อนในชมรมThai societyค่ะ อยู่อังกฤษไปสักพัก พี่ๆจากโครงการNCUKก็จะบินมาเยี่ยมว่าชีวิตรุ่งเรืองถึงไหนแล้ว555

 

 

ถ้าใครได้มีโอกาสมาเรียนต่อที่อังกฤษ ห้ามพลาดงานสามัคคีเกมส์เลย เป็นงานที่รวบรวมคนไทยจาก thai society ต่างๆจากมหาลัยทั่วประเทศอังกฤษมาแข่งขันกีฬากัน เราลงแชร์บอลกับแบดไป ถึงแพ้แต่ก็ได้ความสนุก 555 เป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียวเลยค่า

 

 

 

 

 

 

เมืองที่เราอยู่เดินทางไปลอนดอนสะดวกมาก นั่งรถไฟไปแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง เลยมีแว๊บไปบ่อยๆ

 

เมื่อปลายปีที่แล้วพ่อแม่มาเยี่ยมค่ะ เลยพาเดินเที่ยวซะหน่อย

 

 

ว่างๆก็นัดรวมกลุ่มเพื่อนๆที่เรียน NCUK ไปเที่ยวกันค่ะ 🙂

 

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ หวังว่ากระทู้นี้อาจจะช่วยให้ใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่างประเทศได้นะคะ เสียค่าใช้จ่ายหน่อยแต่ประสบการณ์ที่ได้มาคุ้มค่าแน่นอนค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยน้า

“Review ประสบการณ์ตรง โดย ไอซ์ ศิษย์เก่า NCUK IFY”

สวัสดีค่ะ ท่านผู้ปกครองและน้องๆ ทุกท่านนะคะ หนูชื่อไอซ์ เป็นนักเรียนของ NCUK Class of 2018 วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ของหนูนะคะ ปัจจุบันหนูกำลังศึกษา Bachelor of Science Accounting อยู่ที่ University of Manchester หนูจบมัธยมจากโรงเรียนราชวินิตบางแก้วนะคะ จากนั้นไปเรียนต่อ มอห้า หรือเกรด 11 และ 12 ที่เมืองแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาจากนั้นก็กลับมาเรียนต่อที่ประเทศไทยคือ เรียน International Foundation Year ที่ NCUK ค่ะแล้วก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษค่ะ คร่าวๆ ประมาณนี้นะคะ

 

 

NCUK

หนูมา apply ที่ NCUK เพราะว่าถ้าเรียนที่นี่หนูจะได้อยู่เมืองไทยอีกหนึ่งปี อย่างน้อยๆ ก็จะหายคิดถึงบ้าน แล้วก็ทาง NCUK ,University partnership กับ u ที่หนูอยากเรียนคือ University of manchester ซึ่งมันการันตีว่าหนูจะได้เข้าเรียนที่นี่ ซึ่งหนูมั่นใจว่าที่นี่ ถ้ามองถึงอนาคต มองถึงชื่อเสียงของทางมหาวิทยาลัยและการยอมรับใน global มองถึง Employability ของตัวเอง คิดว่ามหาลัยนี้จะให้ solid future กับเราได้ซึ่งทาง NCUK ก็ช่วยให้ทางมัน smooth ขึ้นก็เลยตัดสินใจเลือกค่ะ และนอกจากนี้ partner อื่นๆ ของ NCUK เองก็มีชื่อเสียงที่ดีเหมือน ดังนั้นหนูคิดว่าถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนที่ University of manchester ทาง NCUK ก็จะช่วยจนหนูมีที่เรียนในที่สุดค่ะ แต่อันนี้ก็ต้องประกอบกับผลการเรียนด้วยนะคะ

NCUK’s good sides

เนื้อหาต่างๆ ที่หนูเรียนใน business stream ของ NCUK คือหนูได้ใช้ในการเรียนที่แมนเชสเตอร์ด้วยค่ะ คือทุกวันนี้สารภาพว่ายังแอบมีไปดูจากโน๊ตเก่าๆ ของตอนที่เรียนอยู่เลยค่ะ คือเรียนแล้วได้ใช้จริงๆ ไม่ใช่ว่าเรียนแล้วทิ้งค่ะ แล้วก็คือเนื้อหา material ที่เรียนก็รู้สึกว่าเรียนได้ และคือที่ต้องเรียนทุกอันก็มีเหตุผลว่าทำไมต้องเรียน คือเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมค่ะ แต่ว่าไม่ได้ยากจนแบบหมดกำลังใจในการเรียน ข้อสอบเองก็วัดจากความรู้ในห้องเรียนจริงๆ แบบไม่ใช่ว่าเอาแต่ออกให้มันยาก จนทำไม่ได้ อ่านไปก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ พี่ๆ สตาฟที่ NCUK แล้วก็ทาง instructors ก็คือน่ารักกันทุกคนค่ะ คืออธิบายค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แล้วก็สามารถอความช่วยเหลือได้ตลอด คือเค้ายินดีที่จะช่วย แล้วก็คือเราไม่มีแบบอุปสรรคทางภาษา แล้วคือเรื่องที่หนูไปปรึกษา บางทีมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนค่ะ แต่ทุกคนก็ช่วยเหลือหนูอย่างเต็มใจมากๆ

สุดท้ายเลยนะคะ คือเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันค่ะ ทุกคนน่ารักแล้วก็พอไปปเรียนต่อที่อังกฤษก็แยกย้ายกันไปเรียนตามเมืองต่างๆ ก็มีนัดเจอกันเรื่อยๆ ค่ะ ทำให้แบบเออหนูได้หาข้ออ้างไปเที่ยวเมืองนู้นเมืองนี้ แล้วก็แบบยังติดต่อกันอยู่ตลอดค่ะ มีอะไรก็คุยกันได้ แล้วแบบมันคุยง่ายกว่าเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เรียนมาด้วยกัน แบบคนที่ไทยเค้าก็ไม่ค่อยเข้าใจแบบเรื่องที่นู่น ก็จะมีเพื่อนๆ จาก NCUK ที่หนูไปบ่นๆ ระบายด้วยได้ค่ะ

 

 

Mancunian

ส่วนตัวหนูนะคะ สิ่งที่หนูเล่าวันนี้จะ based จาก business school ของที่ University of manchester นะคะ

  • สไตล์การเรียนการสอน แต่ละที่ไม่เหมือนกันค่ะ
  • บางที่ก็จะเป็นเแบบเรียนแค่ 2-3 วันต่อสัปดาห์ บางที่ก็เรียนทุกวันค่ะ
  • แล้วแต่ว่าที่ไหนจะเป็นยังไง อย่างของที่แมนเชสเตอร์ก็จะเป็นแล้วแต่คณะค่ะว่าเรียนเยอะมั้ย
  • Flexible มากน้อยแค่ไหนก็จะแล้วแต่คอร์ส อย่างของไอซก็คือเรียนหนักค่ะ เดี๋ยวจะมี timetable ให้ดูค่ะ

 

เวลาเข้าเลคเชอร์ก็คือถึงเวลาเรียนก็ไปตามตึกต่างๆ ที่ assign ไว้ค่ะ การเช็คชื่อก็จะต่างกันไปค่ะ แล้วแต่มหาลัย อย่างของที่ลอนดอนได้ยินว่ามีทั้งสแกน student id และสแกนลายนิ้วมือค่ะ แต่ในส่วนของแมนเชสเตอร์คือใช้วิธีเซ็นต์ชื่อเอานะคะ ถ้าขาดเยอะก็จะโดน warning ค่ะเพราะมัน affect visa status ของเราถ้าเราไม่เข้าเรียนค่ะ อาจจะโดนยกเลิกวีซ่าได้นะคะ ในเลคเชอร์ก็ทั่วๆ ไปค่ะ เหมือนเมืองไทย แต่ว่าต่างกันตรงที่ว่าของทาง University of manchester จะมี podcast ให้ดูย้อนหลังด้วยค่ะ แล้วแต่วิชาว่าอาจารย์เปิดให้ดูมั้ย ซึ่งส่วนมากก็เปิดค่ะ สามารถดูย้อนหลังเพื่อทบทวนได้ เนื่องจากว่าคลาสนึงเนื้อหาเยอะมากๆ ทางยูเห็นว่าจะเป็นการช่วยในการเรียนให้ทางนักศึกษาค่ะ

สำหรับของคอร์สไอซ์คือมีเรียน 6 ตัวก็จะสอบทั้งหมด 6 ตัวค่ะ แต่ของเพื่อนที่ถามๆ มาก็มีทั้ง 3 ตัว 4 ตัว แล้วแต่คนไปค่ะ แต่ละวิชาก็จะมี lecture slides แล้วก็มี e-textbook ให้ในเว็บที่เรียกว่าblackboard ค่ะ งานเยอะมั้ย สำหรับไอซคือมันไม่เยอะในเทอมแรกค่ะ แต่เทอมที่สองมันถาโถมเข้ามาจนเครียดมากๆ เลยค่ะ ทั้งรายงาน ทั้งพรีเซ้นต์ ที่ University of manchester จะมีตึกที่เรียกว่า ali g learning commons ซึ่งเป็นตึกคล้ายๆ ห้องสมุดค่ะ แต่ไม่มีนังสือเลย เป็นตึกให้อ่านหนังสือค่ะ มีทั้งห้อง study room ให้จอง แล้วก็มีโต๊ะที่มีคอมพิวเตอร์ให้ค่ะ ซึ่ง study room จะเปิดให้จองล่วงหน้า 1 เดือนค่ะ แต่คือปกติถ้าจะอ่านพรุ่งนี้คือต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยๆ สามอาทิตย์ค่ะ เต็มตลอด walk-in ก็ chance น้อยมากค่ะที่โต๊ะจะว่าง ทั้งช่วงสอบแล้วก็ไม่สอบเลยค่ะ

 

เวลาเรียนคืออย่างคนอื่นที่ได้ยินมาก็คือจะมีสอบเรื่อยนะคะ แบบ midterm อะไรแบบนี้ แต่ของไอซไม่เคยมี midterm เลยค่ะ ถึงมีก็ worth แค่ 10% ถ้าเทียบกับคนอื่นที่แบบ worth 50% ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็น either final exam หรือ coursework 2500 word ค่ะ แล้วแต่ แต่ว่าส่วนมากคือคะแนนครั้งเดียวค่ะ 100% จากสอบอันเดียวหรือ coursework เล่มเดียวค่ะ สำหรับของไอซ วิชาเรียนก็จะมีทั้งแบบ semester และ full year ค่ะ แล้วแต่ลงค่ะ ถ้าสอบตกก็จะมี resit ค่ะ ซึ่งอันนี้ได้ยินมาว่าจะ resit เฉพาะในเดือน august ค่ะ ถ้าสอบตกก็ต้องไปค่ะ แต่ถ้าตกอีกก็ต้องลงเรียนซ้ำ ซึ่งหมายความว่าไม่ผ่านปี 1 ค่ะ ต้องกลับไปเรียนปีหนึ่งใหม่ค่ะ โหดมากๆ วิธีการคิดคะแนนสำหรับuom คิดแบบอิงเกณฑ์ค่ะ คือไม่มีมีน ไม่มีตกมีนหรือผ่านมีน ถ้า 70 ขึ้นไปได้ A 60 B 50 C 40 D และต่ำกว่านั้นคือตกค่ะ แต่ได้ยินว่าของทางเพื่อนที่ลอนดอน คือเรียนโหดมากค่ะ คิดคะแนนอิงกลุ่ม ถ้าตกมีนเกินสองวิชาคือต้อง repeat year ค่ะ ก็ไว้เป็นข้อมูลนะคะ

TSM

ก็คือเป็น society ของคนไทยที่เรียนที่แมนเชสเตอร์นะคะ ของเมืองอื่นๆ ก็มีค่ะ แล้วก็คือจะมีกิจกรรมต่างๆ เยอะค่ะ ก็มี predeparture แนะนำก่อนไป แล้วก็รับพี่รับน้องอะไรแบบนี้ ก็อบอุ่นดีค่ะ แล้วก็มีกีฬาสีคนไทยนู่นนี่นั่น สนุก ไม่เหงาค่ะ

 

 

Living in Manchester

ของไอซ์นะคะ ไอซเดินเอาค่ะ ไปตึกเรียนประมาณ 15 นาที ไปช้อปปิ้งก็ 20 นาที แต่แล้วแต่ค่ะ บางทีก็มีนั่งอูเบอร์แล้วก็บัสค่ะ คนที่นู่น หลากหลายมากค่ะ มีมาจากหลายประเทศมากๆ ค่ะ เป็น multi culture สุดๆ แล้วก็ ที่บอกว่าสำเนียงแมนเชสเตอร์ฟังยาก ก็จริงค่ะ ฟังยากค่ะ แต่ว่าเดี๋ยวก็ปรับตัวได้ แล้วก็อาจารย์ก็มีผสมกันไปค่ะ มีจีน มีไทย มีอินเดีย เยอะค่ะ ก็อยู่คนเดียวนะคะ ก็ต้องซื้อของนู่นนั่นทำอาหารเอง มีกินข้าวนอกบ้านด้วย ไม่ได้ทำทุกมื้อค่ะ มีไปเที่ยวเล่น มีไปดูบอลที trafford ด้วยค่ะ มีใครเป็นเด็กผีมั้ยคะ5555

ที่พักก็เป็นแบบ studio ค่ะ มีครัวและห้องน้ำส่วนตัวค่ะ แต่ก็มีที่พักหลายแบบค่ะ ทั้งหอในหอนอกบ้านแชร์อพาร์ทเม้น อย่างของหนูคือบังคับจ่าย 52 week ค่ะ แบบคือตั้งแต่กันยา – สิงหาค่ะ คือไม่อยู่ก็ต้องจ่าย ยังไงก็ลองเช็คดูนะคะ แล้วก็จองหอพัก แนะนำว่าให้รีบจองนะคะ เพราะว่ายิ่งจองเร็วราคาถูกกว่าหลายเท่าค่ะ แมนเชสเตอร์ห่างจากลอนดอนประมาณ 3 ชม ถ้าเดินทางโดยรถไปค่ะ ไปง่าย มีรอบเทรนเยอะค่ะ สะดวกค่ะ ค่าตั๋วประมาณ 50 ปอนไปกลับ

 

 

ต่อไปนะคะ มีใครกังวลใจเรื่องอะไรมั้ยคะ เกี่ยวกับการไปเรียนต่อนะคะ คำถามยอดฮิตที่หนูคิดว่าทุกคนน่าจะอยากรู้นะคะ

#1 พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งค่ะ จะไปเรียนได้มั้ยคะ

ไปได้ค่ะ ถ้าเกิดว่าได้รับการตอบรับจากทาง u ก็คือคุณพร้อมแล้วค่ะที่จะไปเรียน ทางมหาลัยเห็นความพร้อมและศักยภาพที่ดีของคุณแล้วค่ะ ัดังนั้นไปได้แน่นอนค่ะ เรื่องสำเนียงเรื่องแกรมม่า ของเหล่านี้ต้องใช้การฝึกฝนและใช้เวลาค่ะ รวมถึงความกล้าและความมั่นใจนะคะ ไม่ต้องกังวลค่ะ

#2 ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คะ แพงมั้ยคะ

มันแล้วแต่ไลฟ์สไตล์และเมืองที่เลือกไปอยู่ค่ะ แต่ละที่ก็จะไม่เท่ากัน ที่ลอนดอน หรือเมืองใหญ่ๆ อื่น เช่น แมนเชสเตอร์ นอตติ้งแฮม ก็จะสูงกว่า เทียบกับพวกเมืองเล็กๆก็จะถูกลงมาค่ะ ตอนนี้นะคะ ค่าเงินบาทแข็งค่ะทุกคน น่าสนใจที่จะไปเรียนในช่วงนี้ค่ะ ก่อนหน้านี้ 58 เมื่อสองปีก่อน ตอนนี้เหลือ 39.5 แล้วค่ะ พี่เค้าร้องไห้แล้วค่ะ

#3 ถ้าไปเรียนแล้ว อยากทำงาน หาพาร์มไทม์ ทำได้มั้ยคะ

ตามกฎหมายประเทศอังกฤษนะคะ visa tier 4 หรือ student visa สามารถทำได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์นะคะ ส่วนค่าแรงคิดเป็นชั่วโมงค่ะ ขึ้นอยู้กับอายุและช่วงเวลาในการทำงานค่ะ อายุมากกว่า 20 ปีก็จะได้เรตสูงกว่าค่ะอายุน้อยกว่าก็จะเรตถูกลงมา แล้วก็ถ้าทำงานวันหยุดเสาร์อาทิตย์ จะได้ค่าแรงสูงกว่าวันธรรมดาค่ะ

 

 

TMI

เรื่องแรกนะคะ เป็นการแอพพลายเข้ามหาลัยค่ะ คือแต่ละที่จะเปิดรับสมัครไม่พร้อมกัน มหาวิทยาลัยที่เป็น high demand แบบพวก oxbridge ก็จะเปิดเร็วปิดเร็วแล้วก็มี หลายด่านค่ะ กว่าจะผ่านก็ยาก คือต้อง make sure นะคะว่าตัวเองไม่พลาด deadline เพราะเค้าจะไม่ compromise อะไรทั้งนั้นค่ะ ต่อไปเป็นค่าใช้จ่ายนะคะ ไอซ์เองมีค่าใช้จ่ายแบบแปลกๆ ที่คนอื่นอาจจะมีมีค่ะ เช่นคือไอซ์ไม่ชอบกินน้ำจากก๊อกค่ะ คือที่อังกฤษน้ำจากก๊อกกินได้เลยค่ะ แต่ไอซ์ไม่ชอบก็จะมีทั้งซื้อน้ำ แล้วก็ใช้เครื่องกรองค่ะ ซึ่งก็จะค่าไส้กรองที่ต้องเปลี่ยนทุกเดือน แล้วก็มีค่ารถอูเบอร์ที่แบบบางทีฝนตก กลับไม่ได้ ก็ต้องอูเบอร์ค่ะ แล้วก็ใครที่แบบติดสายชำระ ที่เป็นปืนอะค่ะ ก็คือต้องพกไปเองนะคะ ไม่มีนะคะ ไอซซื้อแบบพกพาไปค่ะ ใครสนใจติดต่อได้นะคะ เดี๋ยวหนูแนะนำให้ค่ะ หนูไม่ได้เปอร์เซ็นนะคะ แต่ของเค้าดีจีงๆ ค่าตั๋วเครื่องกลับบ้านนะคะ เด็กไทยกลับบ้านบ่อยมากค่ะ ตัวหนูเองก็กลับบ่อย ก็อยากให้ลองคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่มันอาจจะมา extra ตรงนี้นะคะ ต่อไปเป็นค่าเที่ยวค่ะ เพื่อนไอซ์เที่ยวบ่อยมาก หนูก็เที่ยวบ่อยค่ะ ทั้งในอังกฤษแล้วก็ประเทศรอบข้างแบบฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ สวิส อิตาลี พวกประ EU อะค่ะ เค้าชอบไปเที่ยวกัน ก้จะมีค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องเที่ยว พ็อตเก็ตมันนี่ ค่าตคบ แล้วก็ค่าทำวีซ่าค่ะ แม่หนูบ่นค่า แม่อยากบอกค่ะ

 

 

ค่ะ ประมาณนี้นะคะ จบแล้วนะคะ ขอบคุณที่ฟังหนูจนจบค่ะ ทุกท่านมีคำถาม อยากรู้อะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ ถามได้นะคะ ขอบคุณมากนะคะทุกท่าน หากยังมีอะไรสงสัย หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามทางพี่ๆ NCUK ได้เลยค่ะ หรือว่าจะติดต่อหนูตามช่องทางการติดต่อของหนูที่อยู่บนสไลด์ได้เลยนะคะ ยินดีให้ข้อมูลค่ะ