สวัสดีค่ะ ท่านผู้ปกครองและน้องๆ ทุกท่านนะคะ หนูชื่อไอซ์ เป็นนักเรียนของ NCUK Class of 2018 วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ของหนูนะคะ ปัจจุบันหนูกำลังศึกษา Bachelor of Science Accounting อยู่ที่ University of Manchester หนูจบมัธยมจากโรงเรียนราชวินิตบางแก้วนะคะ จากนั้นไปเรียนต่อ มอห้า หรือเกรด 11 และ 12 ที่เมืองแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาจากนั้นก็กลับมาเรียนต่อที่ประเทศไทยคือ เรียน International Foundation Year ที่ NCUK ค่ะแล้วก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษค่ะ คร่าวๆ ประมาณนี้นะคะ
NCUK
หนูมา apply ที่ NCUK เพราะว่าถ้าเรียนที่นี่หนูจะได้อยู่เมืองไทยอีกหนึ่งปี อย่างน้อยๆ ก็จะหายคิดถึงบ้าน แล้วก็ทาง NCUK ,University partnership กับ u ที่หนูอยากเรียนคือ University of manchester ซึ่งมันการันตีว่าหนูจะได้เข้าเรียนที่นี่ ซึ่งหนูมั่นใจว่าที่นี่ ถ้ามองถึงอนาคต มองถึงชื่อเสียงของทางมหาวิทยาลัยและการยอมรับใน global มองถึง Employability ของตัวเอง คิดว่ามหาลัยนี้จะให้ solid future กับเราได้ซึ่งทาง NCUK ก็ช่วยให้ทางมัน smooth ขึ้นก็เลยตัดสินใจเลือกค่ะ และนอกจากนี้ partner อื่นๆ ของ NCUK เองก็มีชื่อเสียงที่ดีเหมือน ดังนั้นหนูคิดว่าถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนที่ University of manchester ทาง NCUK ก็จะช่วยจนหนูมีที่เรียนในที่สุดค่ะ แต่อันนี้ก็ต้องประกอบกับผลการเรียนด้วยนะคะ
NCUK’s good sides
เนื้อหาต่างๆ ที่หนูเรียนใน business stream ของ NCUK คือหนูได้ใช้ในการเรียนที่แมนเชสเตอร์ด้วยค่ะ คือทุกวันนี้สารภาพว่ายังแอบมีไปดูจากโน๊ตเก่าๆ ของตอนที่เรียนอยู่เลยค่ะ คือเรียนแล้วได้ใช้จริงๆ ไม่ใช่ว่าเรียนแล้วทิ้งค่ะ แล้วก็คือเนื้อหา material ที่เรียนก็รู้สึกว่าเรียนได้ และคือที่ต้องเรียนทุกอันก็มีเหตุผลว่าทำไมต้องเรียน คือเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมค่ะ แต่ว่าไม่ได้ยากจนแบบหมดกำลังใจในการเรียน ข้อสอบเองก็วัดจากความรู้ในห้องเรียนจริงๆ แบบไม่ใช่ว่าเอาแต่ออกให้มันยาก จนทำไม่ได้ อ่านไปก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ พี่ๆ สตาฟที่ NCUK แล้วก็ทาง instructors ก็คือน่ารักกันทุกคนค่ะ คืออธิบายค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แล้วก็สามารถอความช่วยเหลือได้ตลอด คือเค้ายินดีที่จะช่วย แล้วก็คือเราไม่มีแบบอุปสรรคทางภาษา แล้วคือเรื่องที่หนูไปปรึกษา บางทีมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนค่ะ แต่ทุกคนก็ช่วยเหลือหนูอย่างเต็มใจมากๆ
สุดท้ายเลยนะคะ คือเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันค่ะ ทุกคนน่ารักแล้วก็พอไปปเรียนต่อที่อังกฤษก็แยกย้ายกันไปเรียนตามเมืองต่างๆ ก็มีนัดเจอกันเรื่อยๆ ค่ะ ทำให้แบบเออหนูได้หาข้ออ้างไปเที่ยวเมืองนู้นเมืองนี้ แล้วก็แบบยังติดต่อกันอยู่ตลอดค่ะ มีอะไรก็คุยกันได้ แล้วแบบมันคุยง่ายกว่าเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เรียนมาด้วยกัน แบบคนที่ไทยเค้าก็ไม่ค่อยเข้าใจแบบเรื่องที่นู่น ก็จะมีเพื่อนๆ จาก NCUK ที่หนูไปบ่นๆ ระบายด้วยได้ค่ะ
Mancunian
ส่วนตัวหนูนะคะ สิ่งที่หนูเล่าวันนี้จะ based จาก business school ของที่ University of manchester นะคะ
- สไตล์การเรียนการสอน แต่ละที่ไม่เหมือนกันค่ะ
- บางที่ก็จะเป็นเแบบเรียนแค่ 2-3 วันต่อสัปดาห์ บางที่ก็เรียนทุกวันค่ะ
- แล้วแต่ว่าที่ไหนจะเป็นยังไง อย่างของที่แมนเชสเตอร์ก็จะเป็นแล้วแต่คณะค่ะว่าเรียนเยอะมั้ย
- Flexible มากน้อยแค่ไหนก็จะแล้วแต่คอร์ส อย่างของไอซก็คือเรียนหนักค่ะ เดี๋ยวจะมี timetable ให้ดูค่ะ
เวลาเข้าเลคเชอร์ก็คือถึงเวลาเรียนก็ไปตามตึกต่างๆ ที่ assign ไว้ค่ะ การเช็คชื่อก็จะต่างกันไปค่ะ แล้วแต่มหาลัย อย่างของที่ลอนดอนได้ยินว่ามีทั้งสแกน student id และสแกนลายนิ้วมือค่ะ แต่ในส่วนของแมนเชสเตอร์คือใช้วิธีเซ็นต์ชื่อเอานะคะ ถ้าขาดเยอะก็จะโดน warning ค่ะเพราะมัน affect visa status ของเราถ้าเราไม่เข้าเรียนค่ะ อาจจะโดนยกเลิกวีซ่าได้นะคะ ในเลคเชอร์ก็ทั่วๆ ไปค่ะ เหมือนเมืองไทย แต่ว่าต่างกันตรงที่ว่าของทาง University of manchester จะมี podcast ให้ดูย้อนหลังด้วยค่ะ แล้วแต่วิชาว่าอาจารย์เปิดให้ดูมั้ย ซึ่งส่วนมากก็เปิดค่ะ สามารถดูย้อนหลังเพื่อทบทวนได้ เนื่องจากว่าคลาสนึงเนื้อหาเยอะมากๆ ทางยูเห็นว่าจะเป็นการช่วยในการเรียนให้ทางนักศึกษาค่ะ
สำหรับของคอร์สไอซ์คือมีเรียน 6 ตัวก็จะสอบทั้งหมด 6 ตัวค่ะ แต่ของเพื่อนที่ถามๆ มาก็มีทั้ง 3 ตัว 4 ตัว แล้วแต่คนไปค่ะ แต่ละวิชาก็จะมี lecture slides แล้วก็มี e-textbook ให้ในเว็บที่เรียกว่าblackboard ค่ะ งานเยอะมั้ย สำหรับไอซคือมันไม่เยอะในเทอมแรกค่ะ แต่เทอมที่สองมันถาโถมเข้ามาจนเครียดมากๆ เลยค่ะ ทั้งรายงาน ทั้งพรีเซ้นต์ ที่ University of manchester จะมีตึกที่เรียกว่า ali g learning commons ซึ่งเป็นตึกคล้ายๆ ห้องสมุดค่ะ แต่ไม่มีนังสือเลย เป็นตึกให้อ่านหนังสือค่ะ มีทั้งห้อง study room ให้จอง แล้วก็มีโต๊ะที่มีคอมพิวเตอร์ให้ค่ะ ซึ่ง study room จะเปิดให้จองล่วงหน้า 1 เดือนค่ะ แต่คือปกติถ้าจะอ่านพรุ่งนี้คือต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยๆ สามอาทิตย์ค่ะ เต็มตลอด walk-in ก็ chance น้อยมากค่ะที่โต๊ะจะว่าง ทั้งช่วงสอบแล้วก็ไม่สอบเลยค่ะ
เวลาเรียนคืออย่างคนอื่นที่ได้ยินมาก็คือจะมีสอบเรื่อยนะคะ แบบ midterm อะไรแบบนี้ แต่ของไอซไม่เคยมี midterm เลยค่ะ ถึงมีก็ worth แค่ 10% ถ้าเทียบกับคนอื่นที่แบบ worth 50% ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็น either final exam หรือ coursework 2500 word ค่ะ แล้วแต่ แต่ว่าส่วนมากคือคะแนนครั้งเดียวค่ะ 100% จากสอบอันเดียวหรือ coursework เล่มเดียวค่ะ สำหรับของไอซ วิชาเรียนก็จะมีทั้งแบบ semester และ full year ค่ะ แล้วแต่ลงค่ะ ถ้าสอบตกก็จะมี resit ค่ะ ซึ่งอันนี้ได้ยินมาว่าจะ resit เฉพาะในเดือน august ค่ะ ถ้าสอบตกก็ต้องไปค่ะ แต่ถ้าตกอีกก็ต้องลงเรียนซ้ำ ซึ่งหมายความว่าไม่ผ่านปี 1 ค่ะ ต้องกลับไปเรียนปีหนึ่งใหม่ค่ะ โหดมากๆ วิธีการคิดคะแนนสำหรับuom คิดแบบอิงเกณฑ์ค่ะ คือไม่มีมีน ไม่มีตกมีนหรือผ่านมีน ถ้า 70 ขึ้นไปได้ A 60 B 50 C 40 D และต่ำกว่านั้นคือตกค่ะ แต่ได้ยินว่าของทางเพื่อนที่ลอนดอน คือเรียนโหดมากค่ะ คิดคะแนนอิงกลุ่ม ถ้าตกมีนเกินสองวิชาคือต้อง repeat year ค่ะ ก็ไว้เป็นข้อมูลนะคะ
TSM
ก็คือเป็น society ของคนไทยที่เรียนที่แมนเชสเตอร์นะคะ ของเมืองอื่นๆ ก็มีค่ะ แล้วก็คือจะมีกิจกรรมต่างๆ เยอะค่ะ ก็มี predeparture แนะนำก่อนไป แล้วก็รับพี่รับน้องอะไรแบบนี้ ก็อบอุ่นดีค่ะ แล้วก็มีกีฬาสีคนไทยนู่นนี่นั่น สนุก ไม่เหงาค่ะ
Living in Manchester
ของไอซ์นะคะ ไอซเดินเอาค่ะ ไปตึกเรียนประมาณ 15 นาที ไปช้อปปิ้งก็ 20 นาที แต่แล้วแต่ค่ะ บางทีก็มีนั่งอูเบอร์แล้วก็บัสค่ะ คนที่นู่น หลากหลายมากค่ะ มีมาจากหลายประเทศมากๆ ค่ะ เป็น multi culture สุดๆ แล้วก็ ที่บอกว่าสำเนียงแมนเชสเตอร์ฟังยาก ก็จริงค่ะ ฟังยากค่ะ แต่ว่าเดี๋ยวก็ปรับตัวได้ แล้วก็อาจารย์ก็มีผสมกันไปค่ะ มีจีน มีไทย มีอินเดีย เยอะค่ะ ก็อยู่คนเดียวนะคะ ก็ต้องซื้อของนู่นนั่นทำอาหารเอง มีกินข้าวนอกบ้านด้วย ไม่ได้ทำทุกมื้อค่ะ มีไปเที่ยวเล่น มีไปดูบอลที trafford ด้วยค่ะ มีใครเป็นเด็กผีมั้ยคะ5555
ที่พักก็เป็นแบบ studio ค่ะ มีครัวและห้องน้ำส่วนตัวค่ะ แต่ก็มีที่พักหลายแบบค่ะ ทั้งหอในหอนอกบ้านแชร์อพาร์ทเม้น อย่างของหนูคือบังคับจ่าย 52 week ค่ะ แบบคือตั้งแต่กันยา – สิงหาค่ะ คือไม่อยู่ก็ต้องจ่าย ยังไงก็ลองเช็คดูนะคะ แล้วก็จองหอพัก แนะนำว่าให้รีบจองนะคะ เพราะว่ายิ่งจองเร็วราคาถูกกว่าหลายเท่าค่ะ แมนเชสเตอร์ห่างจากลอนดอนประมาณ 3 ชม ถ้าเดินทางโดยรถไปค่ะ ไปง่าย มีรอบเทรนเยอะค่ะ สะดวกค่ะ ค่าตั๋วประมาณ 50 ปอนไปกลับ
ต่อไปนะคะ มีใครกังวลใจเรื่องอะไรมั้ยคะ เกี่ยวกับการไปเรียนต่อนะคะ คำถามยอดฮิตที่หนูคิดว่าทุกคนน่าจะอยากรู้นะคะ
#1 พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งค่ะ จะไปเรียนได้มั้ยคะ
ไปได้ค่ะ ถ้าเกิดว่าได้รับการตอบรับจากทาง u ก็คือคุณพร้อมแล้วค่ะที่จะไปเรียน ทางมหาลัยเห็นความพร้อมและศักยภาพที่ดีของคุณแล้วค่ะ ัดังนั้นไปได้แน่นอนค่ะ เรื่องสำเนียงเรื่องแกรมม่า ของเหล่านี้ต้องใช้การฝึกฝนและใช้เวลาค่ะ รวมถึงความกล้าและความมั่นใจนะคะ ไม่ต้องกังวลค่ะ
#2 ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คะ แพงมั้ยคะ
มันแล้วแต่ไลฟ์สไตล์และเมืองที่เลือกไปอยู่ค่ะ แต่ละที่ก็จะไม่เท่ากัน ที่ลอนดอน หรือเมืองใหญ่ๆ อื่น เช่น แมนเชสเตอร์ นอตติ้งแฮม ก็จะสูงกว่า เทียบกับพวกเมืองเล็กๆก็จะถูกลงมาค่ะ ตอนนี้นะคะ ค่าเงินบาทแข็งค่ะทุกคน น่าสนใจที่จะไปเรียนในช่วงนี้ค่ะ ก่อนหน้านี้ 58 เมื่อสองปีก่อน ตอนนี้เหลือ 39.5 แล้วค่ะ พี่เค้าร้องไห้แล้วค่ะ
#3 ถ้าไปเรียนแล้ว อยากทำงาน หาพาร์มไทม์ ทำได้มั้ยคะ
ตามกฎหมายประเทศอังกฤษนะคะ visa tier 4 หรือ student visa สามารถทำได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์นะคะ ส่วนค่าแรงคิดเป็นชั่วโมงค่ะ ขึ้นอยู้กับอายุและช่วงเวลาในการทำงานค่ะ อายุมากกว่า 20 ปีก็จะได้เรตสูงกว่าค่ะอายุน้อยกว่าก็จะเรตถูกลงมา แล้วก็ถ้าทำงานวันหยุดเสาร์อาทิตย์ จะได้ค่าแรงสูงกว่าวันธรรมดาค่ะ
TMI
เรื่องแรกนะคะ เป็นการแอพพลายเข้ามหาลัยค่ะ คือแต่ละที่จะเปิดรับสมัครไม่พร้อมกัน มหาวิทยาลัยที่เป็น high demand แบบพวก oxbridge ก็จะเปิดเร็วปิดเร็วแล้วก็มี หลายด่านค่ะ กว่าจะผ่านก็ยาก คือต้อง make sure นะคะว่าตัวเองไม่พลาด deadline เพราะเค้าจะไม่ compromise อะไรทั้งนั้นค่ะ ต่อไปเป็นค่าใช้จ่ายนะคะ ไอซ์เองมีค่าใช้จ่ายแบบแปลกๆ ที่คนอื่นอาจจะมีมีค่ะ เช่นคือไอซ์ไม่ชอบกินน้ำจากก๊อกค่ะ คือที่อังกฤษน้ำจากก๊อกกินได้เลยค่ะ แต่ไอซ์ไม่ชอบก็จะมีทั้งซื้อน้ำ แล้วก็ใช้เครื่องกรองค่ะ ซึ่งก็จะค่าไส้กรองที่ต้องเปลี่ยนทุกเดือน แล้วก็มีค่ารถอูเบอร์ที่แบบบางทีฝนตก กลับไม่ได้ ก็ต้องอูเบอร์ค่ะ แล้วก็ใครที่แบบติดสายชำระ ที่เป็นปืนอะค่ะ ก็คือต้องพกไปเองนะคะ ไม่มีนะคะ ไอซซื้อแบบพกพาไปค่ะ ใครสนใจติดต่อได้นะคะ เดี๋ยวหนูแนะนำให้ค่ะ หนูไม่ได้เปอร์เซ็นนะคะ แต่ของเค้าดีจีงๆ ค่าตั๋วเครื่องกลับบ้านนะคะ เด็กไทยกลับบ้านบ่อยมากค่ะ ตัวหนูเองก็กลับบ่อย ก็อยากให้ลองคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่มันอาจจะมา extra ตรงนี้นะคะ ต่อไปเป็นค่าเที่ยวค่ะ เพื่อนไอซ์เที่ยวบ่อยมาก หนูก็เที่ยวบ่อยค่ะ ทั้งในอังกฤษแล้วก็ประเทศรอบข้างแบบฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ สวิส อิตาลี พวกประ EU อะค่ะ เค้าชอบไปเที่ยวกัน ก้จะมีค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องเที่ยว พ็อตเก็ตมันนี่ ค่าตคบ แล้วก็ค่าทำวีซ่าค่ะ แม่หนูบ่นค่า แม่อยากบอกค่ะ
ค่ะ ประมาณนี้นะคะ จบแล้วนะคะ ขอบคุณที่ฟังหนูจนจบค่ะ ทุกท่านมีคำถาม อยากรู้อะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ ถามได้นะคะ ขอบคุณมากนะคะทุกท่าน หากยังมีอะไรสงสัย หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามทางพี่ๆ NCUK ได้เลยค่ะ หรือว่าจะติดต่อหนูตามช่องทางการติดต่อของหนูที่อยู่บนสไลด์ได้เลยนะคะ ยินดีให้ข้อมูลค่ะ